วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

[Fic B.A.P BANGXCHAN] BAD (Love Is So BAD) ::: 13

[Fic B.A.P BANGXCHAN]

BAD (Love Is So BAD) ::: 13 Bad



              “อื้อ...อ๊าา~...” ฮิมชานร้องเสียงกระเส่าด้วยความเสียวซ่าน ร่างขาวที่ข้อมือทั้งสองข้างถูกมัดรวบเอาไว้ด้วยเนคไทราคาแพง และมีเพียงเสื้อเชิ้ตตัวเดียวเป็นอาภรณ์ปกคลุมเรือนร่างถูกจับให้นอนคว่ำหน้าลงกับเบาะนุ่มของโซฟา ร่างกายที่อ่อนแรงเพราะฤทธิ์ยาขยับไปมาตามแรงส่งจากนิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังที่กระแทกรัวนิ้วเข้าไปทางช่องทางอ่อนนุ่มที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงช้ำเพราะถูกเสียดสี


                  แต่จะโทษยงกุกคนเดียวก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะเด็กหนุ่มเองก็กระแทกสะโพกสวนกลับมาหาอีกฝ่าย อีกทั้งกล้ามเนื้อบริเวณช่องทางด้านหลังนั้นก็ยังขมิบเกร็งดูดกลืนนิ้วยาวแรงบ้างเบาบ้างตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

                  เพราะฤทธิ์ยาที่ถูกบังคับให้กลืนลงคอไปกำลังเริ่มออกฤทธิ์มากขึ้นจนฮิมชานเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอนนี้สัญชาติญาณและความต้องการทางร่างกายกำลังค่อยๆกลืนกินสติสัมปชัญญะของคนตัวขาวทีละเล็กทีละน้อย

                 
                  บังยงกุกมองอาการตอบสนองของอีกฝ่ายด้วยสายตาหลงใหล พลางยกยิ้มด้วยความพึงพอใจกับท่าทางร่านรักของฮิมชาน ที่แม้มันจะเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์ยาก็ตามที แต่หากมันทำให้ฮิมชานยอมอ้าขา โก่งสะโพกรับสัมผัสของเอาอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้เขาก็พอใจแล้ว

                  “ยาของตาแก่ลีนั่นดีสมราคาคุยหรือเปล่า...หืม...” ชายหนุ่มถามเสียงกลั้วหัวเราะ นิ้วเรียวที่ขยับเข้าออกภายในช่องทางอ่อนนุ่มพลันหยุดเคลื่อนไหวไปเสียเฉยๆ เช่นเดียวกับมืออีกข้างที่ยังว่างก็จับยึดเข้าที่สะโพกมนไว้แน่นไม่ให้เด็กหนุ่มได้ขยับโยกสะโพกตามแรงปรารถนาในร่างกาย

                  “ไม่รู้!!” ฮิมชานตอบเสียงสั้นและห้วน โดยยังคงฟุบหน้าอยู่กับเบาะนุ่มอยู่อย่างนั้น

                  ...เขาไม่อยากมองหน้า ไม่อยากได้ยินแม้แต่เสียงของไอ้โรคจิตที่กำลังเล่นสนุกกับร่างกายของเขาอยู่ในตอนนี้...


                  “โอ๊ย!” ฮิมชานเผลอร้องออกมาเสียงดังเมื่ออยู่ๆนิ้วเรียวที่ค้างอยู่ในช่องทางด้านหลังก็พลันกระแทกเข้ามาภายในร่างกายอย่างแรง

                  “พูดกับฉันให้มันดีๆแบบตอนพูดออดอ้อนยงฮวาไม่ได้หรือไง” เสียงทุ้มกดต่ำด้วยความไม่พอใจเมื่อพูดถึงบุคคลที่ 3 มือหนาข้างที่ว่างเผลอบีบลงที่เนื้อสะโพกขาวจนมันเริ่มขึ้นสีแดง

                  “ไม่ มี ทาง!” ถึงจะรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงหากว่าเขายังคงทำตัวดื้อแบบนี้ แต่ครั้นจะให้ยอมโอนอ่อนทำตามทุกคำพูดของบังยงกุก แล้วต้องขัดคำกับรู้สึกของตัวเอง ฮิมชานก็ไม่เอาเหมือนกัน

                  “หึ...” สิ้นเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอที่ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้ของบังยงกุก นิ้วเรียวทั้งสามนิ้วที่เสียบคาไว้ด้านในช่องทางด้านหลังก็กระแทกแรงๆเข้าออกไม่ยั้งจนตัวฮิมชานสั่นคลอนไปตามแรงส่งจากมือหนา

                  “อ่ะ...โอ๊ย!...หยุด!!!...อ๊า!” ฮิมชานกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากการกระทำของชายหนุ่มที่ยังคงกดย้ำปลายนิ้วทั้งสามเข้ามาอย่างไม่ออมมือ

                  แม้ว่าทุกครั้งที่ปลายนิ้วโดนจุดกระสันภายในร่างกาย แต่มันกลับไม่ได้ทำให้ฮิมชานรู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมันทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเจ็บ...เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ

                  “จะให้หยุดทั้งๆที่ตรงนี้ของเธอดูดนิ้วฉันเข้าไปน่ะเหรอ...แน่ใจเหรอ?” บังยงกุกเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูอารมณ์ดีเสียเต็มประดา พร้อมกับผ่อนความเร็วเข้าออกของนิ้วมือลง หากแต่ยังคงขยับกระแทกเข้าไปหนักหน่วงเหมือนเดิม

                  “อ่ะ...ผม ไม่จำเป็น...อื้อ!! ต้องพึ่งคุณ!” คนตัวขาวเอ่ย พลางขยับมือทั้งสองข้างที่ถูกมัดติดกันให้มาอยู่ในตำแหน่งของแกนกลางลำตัวที่เริ่มมีน้ำสีขุ่นไหลออกมา

                  เสียงหวานครางออกมาเบาๆเมื่อมือขาวทั้งสองข้างเริ่มกำรอบที่ท่อนเนื้อซึ่งเป็นจุดรวมความรู้สึก พลางสาวรูดขึ้นลงตามความยาวเร็วๆเพื่อปลดปล่อยความต้องการภายในร่างกายของตัวเอง ดวงตาคู่สวยที่ปรือปรอยเพราะอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆหลับพริ้มลง
                 
                  ...วินาทีนี้ฮิมชานขอไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น แค่ให้เขาได้ระบายความต้องการทางร่างกายที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อขึ้นมาให้มันจบๆไปก็พอ...


                  บังยงกุกมองการกระทำของอีกฝ่ายพลางขบสันกรามแน่นด้วยความไม่พอใจกับท่าทางอวดดีที่ฮิมชานกำลังทำอยู่ตอนนี้

                  ชายหนุ่มกระชากนิ้วของตัวเองออกมาจากช่องทางด้านหลังอย่างแรงจนรู้สึกได้ถึงแรงกระตุกเกร็งด้วยความเจ็บปวดของอีกฝ่าย แต่นาทีนี้...ใครจะไปสนใจกันล่ะ

                  บังยงกุกจับคนตัวขาวที่ตอนนี้ร่างกายอ่อนแรงจนแทบไม่มีแรงขัดขืนให้พลิกตัวมาเผชิญหน้ากัน มือขาวที่ถูกมัดรวบติดกันเอาไว้ถูกจับยกขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนที่บังยงกุกจะแทรกขาข้างหนึ่งเข้าไประหว่างขาขาวที่ไร้อาภรณ์ปกคลุมของอีกฝ่าย

                  “อ๊า...อย่า...” ฮิมชานร้องห้ามด้วยเสียงแผ่วคล้ายคนใกล้หมดแรง เมื่ออีกฝ่ายกดหัวเข่าลงบนส่วนกลางลำตัวที่กำลังตั้งชันและเริ่มมีน้ำสีขาวขุ่นไหลเยิ้มออกมา...ถึงแรงกดจะไม่ได้รุนแรงจนทำให้เจ็บแต่มันก็ทำให้ฮิมชานทรมานเพราะความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

                  “ทำไมล่ะ...ตรงนี้ของเธอมันแฉะหมดแล้วนะ หึๆๆ” ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาพูดชิดใบหูขาว พูดจบก็ขบฟันคมเข้าที่ใบหูของเด็กหนุ่มเบาๆเหมือนแกล้งให้ฮิมชานยิ่งรู้สึกมากขึ้น

                  “อ๊ะ! ออกไป...เอามือออกไป!” คนตัวขาวเปล่งเสียงตวาดชายหนุ่มที่ใช้มือข้างที่ยังว่างกดย้ำหนักๆลงที่ส่วนปลายแกนกายที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำขุ่นขาวของฮิมชาน

                  ร่างกายขาวบิดเร่าไปมาตามแรงปลุกเร้าอารมณ์จากมือหนา ยิ่งยงกุกรูดสาวมือขึ้นลงตามความยาวของท่อนเนื้อที่เป็นศูนย์รวมความรู้สึก

                  รอยยิ้มที่ดูสนุกสนานของยงกุกเมื่อเห็นอาการทรมานเพราะแรงอารมณ์ที่มีแต่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มือหนายิ่งเพิ่มความแรงและขยับขึ้นลงเร็วมากขึ้นเรื่อยๆจนฮิมชานหวีดร้องครางเสียงดังด้วยความทรมานปนความสุขที่ฮิมชานไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นเลย

                 
                  “อ๊า!! เร็วๆ อื้อ!!” ยงกุกยกยิ้มด้วยความพอใจเมื่อในที่สุดฮิมชานก็ยอมแพ้ต่อฤทธิ์ยาและจิตใต้สำนึกของตัวเอง

                  ชายหนุ่มมองเรือนร่างขาวบิดเร่าๆด้วยความเสียวซ่านจากสัมผัสหนักๆจากมือหนาที่ยังคงสาวรูดที่ท่อนเนื้อสีสด มือหนาอีกข้างก็ยังคงจับล็อคข้อมือขาวทั้งสองข้างอยู่เหนือศีรษะของฮิมชานไว้อย่างนั้น

                 
                  “อ๊ะ!! อ๊า!!...” ร่างขาวเกร็งขึงไปทุกสัดส่วนเมื่อใกล้ถึงสุดปลายทางของความต้องการในร่างกายเสียที

                  แต่แล้ว...ความรู้สึกล่องลอยราวกับกำลังจะได้ขึ้นสวรรค์กลับหยุดลง พร้อมกับการหยุดลงของแรงขยับขึ้นลงจากมือหนา ทุกอย่างหยุดนิ่งลงกระทันหันจนฮิมชานรู้สึกเหมือนถูกฉุดให้ตกลงมาจากที่สูง

                  ดวงตาคู่สวยที่คลอด้วยหยดน้ำตาเปิดขึ้นมามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความแปลกใจ เพราะนอกจากแรงขยับที่ส่วนกลางลำตัวของเขาจะหายไปแล้ว แรงกดที่ข้อมือทั้งสองข้างก็คลายออกไปด้วยเช่นกัน

                  ภาพรอยยิ้มขำขันจากบังยงกุกปรากฏต่อสายตาของฮิมชานที่ยังคงไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มือหนาข้างที่เคยจับยึดข้อมือของฮิมชานเอาไว้ยกขึ้นลูบที่ข้างแก้มที่เป็นสีแดงระเรื่อเบาๆราวกับคนตัวขาวเป็นตุ๊กตากระเบื้องที่เปราะบาง และสามารถแตกสลายไปได้ทุกเวลา...

                  “ทรมานมากมั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน ดวงตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสวยที่มีน้ำตาคลอเอ่อ

                  ฮิมชานไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการมึนงงจากฤทธิ์ยาหรือเพราะอะไรก็ตาม แต่รู้ตัวอีกทีเด็กหนุ่มก็เผลอดพยักหน้าน้อยๆเป็นคำตอบให้อีกฝ่าย แถมยังเอียงแก้มรับสัมผัสจากมือหนาเหมือนลูกแมวที่กำลังออดอ้อนขอความรักจากเจ้านายเสียแล้ว...

                  แต่แล้วอยู่ๆรอยยิ้มอ่อนโยนของบังยงกุกนั้นก็พลันหายไป และปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของปีศาจร้ายขึ้นมาแทนที่

                  “พอดีฉันว่าจะลงไปดูความเรียบร้อยของงานข้างล่างซักหน่อยน่ะ...” บังยงกุกก้มลงมากระซิบบอกเจือเสียงหัวเราะเบาๆที่ข้างหูของเด็กหนุ่ม

                  ซึ่งสิ่งที่ได้ยินเป็นเหมือนกับไม้หน้าสามที่ตีเข้าที่ใบหน้าของฮิมชานอย่างแรงจนเด็กหนุ่มทั้งรู้สึกเจ็บและชาไปทั้งใบหน้า

                  ...บังยงกุกเห็นเขาเป็นตัวอะไร ถึงมาเล่นสนุกกับร่างกายเขาแบบนี้...
                 
                 
                  คนตัวขาวที่ยังนอนนิ่งอยู่ท่าเดิมหันหน้ามองตามชายหนุ่มที่ลุกออกไปจากตัวเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ที่แน่ๆในความรู้สึกมากมายที่ประดังเข้ามาในใจของฮิมชานนั้น ‘ความรู้สึกเกลียด’ มันเด่นชัดมากที่สุด


                  “อ้อ! แล้วส่วน...ที่เหลือเธอก็จัดการเองไปก่อนแล้วกันนะ ไว้ส่งตัวเข้าหอเรียบร้อยแล้วฉัน ‘อาจจะ’ ปลีกตัวออกมาหา หึๆๆ” บังยงกุกเอ่ยขณะยืนจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย เพื่อกลับลงไปที่งานเลี้ยงตามที่บอกไว้

                  ดวงตาสวยจ้องมองคนพูดอย่างไม่เชื่อหูว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้หลุดออกมาจากปากของบังยงกุก...ไม่ใช่ว่าฮิมชานไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีนิสัยเป็นอย่างไร แต่เด็กหนุ่มไม่คิดว่าร่างสูงจะทำแบบนี้กับเขา

                  ...เขาไม่ใช่ตุ๊กตาที่เอาไว้สนองความต้องการของใครนะ!!!...

                 
                  “คุณมันเลว...” เสียงหวานที่เอ่ยลอดออกมาจากไรฟันแม้จะแผ่วเบาเพียงใด แต่ฮิมชานรู้ว่าอีกฝ่ายได้ยินมันแน่นอน

                  ฮิมชานรู้ว่าบางทีคำว่า ‘เลว’ อาจจะน้อยไปสำหรับบังยงกุก แต่ในตอนนี้ความรู้สึกมากมายที่มันอึดอัดคับแน่นอยู่ในใจ มันทำให้เด็กหนุ่มไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาด่าทออีกฝ่ายได้มากเท่าคำคำนี้อีกแล้ว

                  “หึ...ขอบคุณสำหรับคำชม” เจ้าบ่าวเอ่ยสั้นๆ พร้อมมอบรอยยิ้มกวนโมโหให้คนที่ยังนอนหอบหายใจเพราะฤทธิ์ยาอยู่บนโซฟา ก่อนจะเดินออกจากห้องไป





กลับไปอ่านต่อและคอมเม้นท์ได้ที่นี่ฮะ >>> 
http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1190131&chapter=18

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น