วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

[Fic B.A.P BANGXCHAN] BAD (Love Is So BAD) ::: 13

[Fic B.A.P BANGXCHAN]

BAD (Love Is So BAD) ::: 13 Bad



              “อื้อ...อ๊าา~...” ฮิมชานร้องเสียงกระเส่าด้วยความเสียวซ่าน ร่างขาวที่ข้อมือทั้งสองข้างถูกมัดรวบเอาไว้ด้วยเนคไทราคาแพง และมีเพียงเสื้อเชิ้ตตัวเดียวเป็นอาภรณ์ปกคลุมเรือนร่างถูกจับให้นอนคว่ำหน้าลงกับเบาะนุ่มของโซฟา ร่างกายที่อ่อนแรงเพราะฤทธิ์ยาขยับไปมาตามแรงส่งจากนิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังที่กระแทกรัวนิ้วเข้าไปทางช่องทางอ่อนนุ่มที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงช้ำเพราะถูกเสียดสี


                  แต่จะโทษยงกุกคนเดียวก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะเด็กหนุ่มเองก็กระแทกสะโพกสวนกลับมาหาอีกฝ่าย อีกทั้งกล้ามเนื้อบริเวณช่องทางด้านหลังนั้นก็ยังขมิบเกร็งดูดกลืนนิ้วยาวแรงบ้างเบาบ้างตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

                  เพราะฤทธิ์ยาที่ถูกบังคับให้กลืนลงคอไปกำลังเริ่มออกฤทธิ์มากขึ้นจนฮิมชานเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอนนี้สัญชาติญาณและความต้องการทางร่างกายกำลังค่อยๆกลืนกินสติสัมปชัญญะของคนตัวขาวทีละเล็กทีละน้อย

                 
                  บังยงกุกมองอาการตอบสนองของอีกฝ่ายด้วยสายตาหลงใหล พลางยกยิ้มด้วยความพึงพอใจกับท่าทางร่านรักของฮิมชาน ที่แม้มันจะเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์ยาก็ตามที แต่หากมันทำให้ฮิมชานยอมอ้าขา โก่งสะโพกรับสัมผัสของเอาอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้เขาก็พอใจแล้ว

                  “ยาของตาแก่ลีนั่นดีสมราคาคุยหรือเปล่า...หืม...” ชายหนุ่มถามเสียงกลั้วหัวเราะ นิ้วเรียวที่ขยับเข้าออกภายในช่องทางอ่อนนุ่มพลันหยุดเคลื่อนไหวไปเสียเฉยๆ เช่นเดียวกับมืออีกข้างที่ยังว่างก็จับยึดเข้าที่สะโพกมนไว้แน่นไม่ให้เด็กหนุ่มได้ขยับโยกสะโพกตามแรงปรารถนาในร่างกาย

                  “ไม่รู้!!” ฮิมชานตอบเสียงสั้นและห้วน โดยยังคงฟุบหน้าอยู่กับเบาะนุ่มอยู่อย่างนั้น

                  ...เขาไม่อยากมองหน้า ไม่อยากได้ยินแม้แต่เสียงของไอ้โรคจิตที่กำลังเล่นสนุกกับร่างกายของเขาอยู่ในตอนนี้...


                  “โอ๊ย!” ฮิมชานเผลอร้องออกมาเสียงดังเมื่ออยู่ๆนิ้วเรียวที่ค้างอยู่ในช่องทางด้านหลังก็พลันกระแทกเข้ามาภายในร่างกายอย่างแรง

                  “พูดกับฉันให้มันดีๆแบบตอนพูดออดอ้อนยงฮวาไม่ได้หรือไง” เสียงทุ้มกดต่ำด้วยความไม่พอใจเมื่อพูดถึงบุคคลที่ 3 มือหนาข้างที่ว่างเผลอบีบลงที่เนื้อสะโพกขาวจนมันเริ่มขึ้นสีแดง

                  “ไม่ มี ทาง!” ถึงจะรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงหากว่าเขายังคงทำตัวดื้อแบบนี้ แต่ครั้นจะให้ยอมโอนอ่อนทำตามทุกคำพูดของบังยงกุก แล้วต้องขัดคำกับรู้สึกของตัวเอง ฮิมชานก็ไม่เอาเหมือนกัน

                  “หึ...” สิ้นเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอที่ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้ของบังยงกุก นิ้วเรียวทั้งสามนิ้วที่เสียบคาไว้ด้านในช่องทางด้านหลังก็กระแทกแรงๆเข้าออกไม่ยั้งจนตัวฮิมชานสั่นคลอนไปตามแรงส่งจากมือหนา

                  “อ่ะ...โอ๊ย!...หยุด!!!...อ๊า!” ฮิมชานกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากการกระทำของชายหนุ่มที่ยังคงกดย้ำปลายนิ้วทั้งสามเข้ามาอย่างไม่ออมมือ

                  แม้ว่าทุกครั้งที่ปลายนิ้วโดนจุดกระสันภายในร่างกาย แต่มันกลับไม่ได้ทำให้ฮิมชานรู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมันทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเจ็บ...เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ

                  “จะให้หยุดทั้งๆที่ตรงนี้ของเธอดูดนิ้วฉันเข้าไปน่ะเหรอ...แน่ใจเหรอ?” บังยงกุกเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูอารมณ์ดีเสียเต็มประดา พร้อมกับผ่อนความเร็วเข้าออกของนิ้วมือลง หากแต่ยังคงขยับกระแทกเข้าไปหนักหน่วงเหมือนเดิม

                  “อ่ะ...ผม ไม่จำเป็น...อื้อ!! ต้องพึ่งคุณ!” คนตัวขาวเอ่ย พลางขยับมือทั้งสองข้างที่ถูกมัดติดกันให้มาอยู่ในตำแหน่งของแกนกลางลำตัวที่เริ่มมีน้ำสีขุ่นไหลออกมา

                  เสียงหวานครางออกมาเบาๆเมื่อมือขาวทั้งสองข้างเริ่มกำรอบที่ท่อนเนื้อซึ่งเป็นจุดรวมความรู้สึก พลางสาวรูดขึ้นลงตามความยาวเร็วๆเพื่อปลดปล่อยความต้องการภายในร่างกายของตัวเอง ดวงตาคู่สวยที่ปรือปรอยเพราะอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆหลับพริ้มลง
                 
                  ...วินาทีนี้ฮิมชานขอไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น แค่ให้เขาได้ระบายความต้องการทางร่างกายที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อขึ้นมาให้มันจบๆไปก็พอ...


                  บังยงกุกมองการกระทำของอีกฝ่ายพลางขบสันกรามแน่นด้วยความไม่พอใจกับท่าทางอวดดีที่ฮิมชานกำลังทำอยู่ตอนนี้

                  ชายหนุ่มกระชากนิ้วของตัวเองออกมาจากช่องทางด้านหลังอย่างแรงจนรู้สึกได้ถึงแรงกระตุกเกร็งด้วยความเจ็บปวดของอีกฝ่าย แต่นาทีนี้...ใครจะไปสนใจกันล่ะ

                  บังยงกุกจับคนตัวขาวที่ตอนนี้ร่างกายอ่อนแรงจนแทบไม่มีแรงขัดขืนให้พลิกตัวมาเผชิญหน้ากัน มือขาวที่ถูกมัดรวบติดกันเอาไว้ถูกจับยกขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนที่บังยงกุกจะแทรกขาข้างหนึ่งเข้าไประหว่างขาขาวที่ไร้อาภรณ์ปกคลุมของอีกฝ่าย

                  “อ๊า...อย่า...” ฮิมชานร้องห้ามด้วยเสียงแผ่วคล้ายคนใกล้หมดแรง เมื่ออีกฝ่ายกดหัวเข่าลงบนส่วนกลางลำตัวที่กำลังตั้งชันและเริ่มมีน้ำสีขาวขุ่นไหลเยิ้มออกมา...ถึงแรงกดจะไม่ได้รุนแรงจนทำให้เจ็บแต่มันก็ทำให้ฮิมชานทรมานเพราะความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

                  “ทำไมล่ะ...ตรงนี้ของเธอมันแฉะหมดแล้วนะ หึๆๆ” ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาพูดชิดใบหูขาว พูดจบก็ขบฟันคมเข้าที่ใบหูของเด็กหนุ่มเบาๆเหมือนแกล้งให้ฮิมชานยิ่งรู้สึกมากขึ้น

                  “อ๊ะ! ออกไป...เอามือออกไป!” คนตัวขาวเปล่งเสียงตวาดชายหนุ่มที่ใช้มือข้างที่ยังว่างกดย้ำหนักๆลงที่ส่วนปลายแกนกายที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำขุ่นขาวของฮิมชาน

                  ร่างกายขาวบิดเร่าไปมาตามแรงปลุกเร้าอารมณ์จากมือหนา ยิ่งยงกุกรูดสาวมือขึ้นลงตามความยาวของท่อนเนื้อที่เป็นศูนย์รวมความรู้สึก

                  รอยยิ้มที่ดูสนุกสนานของยงกุกเมื่อเห็นอาการทรมานเพราะแรงอารมณ์ที่มีแต่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มือหนายิ่งเพิ่มความแรงและขยับขึ้นลงเร็วมากขึ้นเรื่อยๆจนฮิมชานหวีดร้องครางเสียงดังด้วยความทรมานปนความสุขที่ฮิมชานไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นเลย

                 
                  “อ๊า!! เร็วๆ อื้อ!!” ยงกุกยกยิ้มด้วยความพอใจเมื่อในที่สุดฮิมชานก็ยอมแพ้ต่อฤทธิ์ยาและจิตใต้สำนึกของตัวเอง

                  ชายหนุ่มมองเรือนร่างขาวบิดเร่าๆด้วยความเสียวซ่านจากสัมผัสหนักๆจากมือหนาที่ยังคงสาวรูดที่ท่อนเนื้อสีสด มือหนาอีกข้างก็ยังคงจับล็อคข้อมือขาวทั้งสองข้างอยู่เหนือศีรษะของฮิมชานไว้อย่างนั้น

                 
                  “อ๊ะ!! อ๊า!!...” ร่างขาวเกร็งขึงไปทุกสัดส่วนเมื่อใกล้ถึงสุดปลายทางของความต้องการในร่างกายเสียที

                  แต่แล้ว...ความรู้สึกล่องลอยราวกับกำลังจะได้ขึ้นสวรรค์กลับหยุดลง พร้อมกับการหยุดลงของแรงขยับขึ้นลงจากมือหนา ทุกอย่างหยุดนิ่งลงกระทันหันจนฮิมชานรู้สึกเหมือนถูกฉุดให้ตกลงมาจากที่สูง

                  ดวงตาคู่สวยที่คลอด้วยหยดน้ำตาเปิดขึ้นมามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความแปลกใจ เพราะนอกจากแรงขยับที่ส่วนกลางลำตัวของเขาจะหายไปแล้ว แรงกดที่ข้อมือทั้งสองข้างก็คลายออกไปด้วยเช่นกัน

                  ภาพรอยยิ้มขำขันจากบังยงกุกปรากฏต่อสายตาของฮิมชานที่ยังคงไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มือหนาข้างที่เคยจับยึดข้อมือของฮิมชานเอาไว้ยกขึ้นลูบที่ข้างแก้มที่เป็นสีแดงระเรื่อเบาๆราวกับคนตัวขาวเป็นตุ๊กตากระเบื้องที่เปราะบาง และสามารถแตกสลายไปได้ทุกเวลา...

                  “ทรมานมากมั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน ดวงตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสวยที่มีน้ำตาคลอเอ่อ

                  ฮิมชานไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการมึนงงจากฤทธิ์ยาหรือเพราะอะไรก็ตาม แต่รู้ตัวอีกทีเด็กหนุ่มก็เผลอดพยักหน้าน้อยๆเป็นคำตอบให้อีกฝ่าย แถมยังเอียงแก้มรับสัมผัสจากมือหนาเหมือนลูกแมวที่กำลังออดอ้อนขอความรักจากเจ้านายเสียแล้ว...

                  แต่แล้วอยู่ๆรอยยิ้มอ่อนโยนของบังยงกุกนั้นก็พลันหายไป และปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของปีศาจร้ายขึ้นมาแทนที่

                  “พอดีฉันว่าจะลงไปดูความเรียบร้อยของงานข้างล่างซักหน่อยน่ะ...” บังยงกุกก้มลงมากระซิบบอกเจือเสียงหัวเราะเบาๆที่ข้างหูของเด็กหนุ่ม

                  ซึ่งสิ่งที่ได้ยินเป็นเหมือนกับไม้หน้าสามที่ตีเข้าที่ใบหน้าของฮิมชานอย่างแรงจนเด็กหนุ่มทั้งรู้สึกเจ็บและชาไปทั้งใบหน้า

                  ...บังยงกุกเห็นเขาเป็นตัวอะไร ถึงมาเล่นสนุกกับร่างกายเขาแบบนี้...
                 
                 
                  คนตัวขาวที่ยังนอนนิ่งอยู่ท่าเดิมหันหน้ามองตามชายหนุ่มที่ลุกออกไปจากตัวเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ที่แน่ๆในความรู้สึกมากมายที่ประดังเข้ามาในใจของฮิมชานนั้น ‘ความรู้สึกเกลียด’ มันเด่นชัดมากที่สุด


                  “อ้อ! แล้วส่วน...ที่เหลือเธอก็จัดการเองไปก่อนแล้วกันนะ ไว้ส่งตัวเข้าหอเรียบร้อยแล้วฉัน ‘อาจจะ’ ปลีกตัวออกมาหา หึๆๆ” บังยงกุกเอ่ยขณะยืนจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย เพื่อกลับลงไปที่งานเลี้ยงตามที่บอกไว้

                  ดวงตาสวยจ้องมองคนพูดอย่างไม่เชื่อหูว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้หลุดออกมาจากปากของบังยงกุก...ไม่ใช่ว่าฮิมชานไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีนิสัยเป็นอย่างไร แต่เด็กหนุ่มไม่คิดว่าร่างสูงจะทำแบบนี้กับเขา

                  ...เขาไม่ใช่ตุ๊กตาที่เอาไว้สนองความต้องการของใครนะ!!!...

                 
                  “คุณมันเลว...” เสียงหวานที่เอ่ยลอดออกมาจากไรฟันแม้จะแผ่วเบาเพียงใด แต่ฮิมชานรู้ว่าอีกฝ่ายได้ยินมันแน่นอน

                  ฮิมชานรู้ว่าบางทีคำว่า ‘เลว’ อาจจะน้อยไปสำหรับบังยงกุก แต่ในตอนนี้ความรู้สึกมากมายที่มันอึดอัดคับแน่นอยู่ในใจ มันทำให้เด็กหนุ่มไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาด่าทออีกฝ่ายได้มากเท่าคำคำนี้อีกแล้ว

                  “หึ...ขอบคุณสำหรับคำชม” เจ้าบ่าวเอ่ยสั้นๆ พร้อมมอบรอยยิ้มกวนโมโหให้คนที่ยังนอนหอบหายใจเพราะฤทธิ์ยาอยู่บนโซฟา ก่อนจะเดินออกจากห้องไป





กลับไปอ่านต่อและคอมเม้นท์ได้ที่นี่ฮะ >>> 
http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1190131&chapter=18

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

[Fic B.A.P BANGXCHAN] BAD (Love Is So BAD) ::: 10

[Fic B.A.P BANGXCHAN]

BAD (Love Is So BAD) ::: 10 Defiance 



                “อย่า....” เพราะเรี่ยวแรงยังไม่กลับมา จึงทำให้ฮิมชานทำได้เพียงร้องท้วงพลางขยับตัวหนีเมื่อบังยงกุกพยายามถอดกางเกง และแม้ฮิมชานจะขัดขืนเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เมื่ออีกฝ่ายถอดทั้งกางเกงยีนส์และชั้นในให้หลุดออกจากร่างกายของเขาได้สำเร็จ


                  “อื้อ!!!”​ ดวงตาคู่สวยปิดเข้าหากันแน่น พร้อมกับฟันคมที่กัดลงที่ริมฝีปากล่างของตัวเองเพื่อกลั้นเสียงร้องด้วยความเจ็บแสบ เมื่อบังยงกุกสอดใส่นิ้วเข้ามาในช่องทางของเขาอย่างกระทันหันทีเดียวสองนิ้ว

                  เพราะห่างจากเรื่องแบบนี้มา 2 สัปดาห์ทำให้ช่องทางด้านหลังของเขามันไม่คุ้นชินกับการสอดใส่เข้ามาอย่างกระทันหันโดยไม่มีสารหล่อลื่นแบบนี้


                  “โอ๊ย! หยุด...” ร้องห้ามพลางเอื้อมมือไปจับมือของอีกฝ่ายที่กำลังกระทำกับช่องทางด้านหลังของเขาอย่างป่าเถื่อน

                  ความเจ็บแสบแล่นร้าวขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้าเมื่อนิ้วเรียวนั้นเริ่มขยับเข้าออกโดยไม่สนใจว่าความฝืดเคืองเพราะไม่มีสารหล่อลื่นนั้นจะทำให้ฮิมชานเจ็บ

                 
                  “โอ๊ย!!...คุณมัน...อึก...เลว!!” เสียงร้องเพราะความเจ็บหลุดออกมาปะปนกับคำด่าที่ฮิมชานพยายามสรรหามาใช้ หวังจะให้อีกคนได้รู้สึกเจ็บใจขึ้นมาบ้าง แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอย่างที่ฮิมชานคิด

                  “หึ...ฉันเลวได้มากกว่านี้อีก...เธอก็น่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ” ยงกุกส่งยิ้มเย็นให้อีกคน พร้อมมือหนาที่เร่งจังหวะขยับเร็วขึ้นแรงขึ้น ทั้งยังเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปภายในร่างกายเบื้องล่างของฮิมชานเป็นสามนิ้ว


                  “อื้อ!!!” แนวฟันคมขบลงที่ริมฝีปากล่างของตัวเองเพื่อสะกดกลั้นความเจ็บปวด พร้อมเกร็งจิกเล็บลงที่มือของยงกุกที่ยังคงขยับเข้าออกอย่างรุนแรงจนฮิมชานรู้สึกแสบไปหมด

                  “อ๊าาา!!” คนตัวขาวร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายก็กระชากนิ้วออกจากร่างกายด้านล่างของเขา เด็กหนุ่มหอบหายใจถี่เร็วราวกับวิ่งมาไกลหลายกิโลเมตร



                  ...มัวมานอนแบบนี้ไม่ได้นะฮิมชาน นายต้องรีบหนีออกไปให้ห่างจากผู้ชานคนนี้...


                  ฮิมชานบอกกับตัวเองก่อนจะใช้จังหวะที่ยงกุกผละออกจากร่างกายของเขารีบถดตัวหนีอีกฝ่าย แต่มันช้าเกินไม่เมื่อมือหนาจับข้อเท้าของเขาเอาไว้ทัน ก่อนจะออกแรงลากเขาให้เข้ามาอยู่ใต้ร่างของอีกฝ่ายอีกครั้ง ยงกุกเท้าแขนทั้งสองข้างลงกับพื้นห้อง เพื่อกักขังร่างของอีกฝ่ายไม่ให้สามารถหนีไปไหนได้


                  “คิดว่าจะหนีไปไหนได้ กระโดดลงจากระเบียงหรือไง หึๆ” เสียงทุ้มว่าพลางหัวเราะในลำคอ ใบหน้าหล่อคมเคลื่อนลงไปใกล้ใบหน้าขาวจนปลายจมูกทั้งสองคนชนกัน หากแต่ฮิมชานกลับหันหน้าอีกฝ่ายราวกับรังเกียจกันมาก

                  “ถ้ามันจำเป็น ผมก็จะกระโดดลงไป” ฮิมชานตอบเสียงสั้นห้วน เขาคิดแบบที่พูดจริงๆ ตอนนี้เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อจะอยู่ให้ห่างจากบังยงกุก

                  “ไม่เอาน่า...กระโดดลงไปมีแต่จะเจ็บตัวเปล่าๆ แข้งขาหักไปไม่คุ้มหรอกนะ...” ยงกุกหยุดพูดเสียเฉยๆ พร้อมกับไซร้จมูกไปบนแก้มขาว ก่อนจะส่งลิ้นออกมาไล้เลียแก้มนิ่มแล้วลากเรื่อยไปถึงใบหูขาว ขบกัดใบหูของอีกฝ่ายอย่างหยอกเย้า

                  “...สู้เอากับฉันไม่ได้หรอก ถึงจะเจ็บแต่ฉันรู้ว่าเธอชอบ” เสียงทุ้มกระซิบบอกอีกฝ่าย ก่อนจะผละออกห่างเมื่อฮิมชานหันหน้ามามองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจกับคำพูดของอีกฝ่าย

                  “คุณมันก็ไม่ต่างจากสัตว์หรอก...หึ ไม่สิ คุณมันยิ่งกว่านั้นอีก...สัตว์มันยังมีช่วงเวลาผสมพันธุ์ ไม่เหมือน...”



                  เพี๊ยะ!!

                  เส้นด้ายบางๆความอดทนของบังยงกุกขาดผึงลง พร้อมๆกับมือหนาที่ตวัดฟาดลงที่แก้มขาวจนใบหน้าของฮิมชานหันไปอีกทางตามแรงตบ เลือดสีแดงสดไหลย้อยจากมุมปากที่บวมเจ่ออยู่แล้วจนถึงปลายคาง

                  ใบหน้าขาวนิ่งค้างอยู่แบบนั้น ความเจ็บจนทำให้ผิวเนื้อเต้นตุบๆและร้อนผ่าวด้วยแรงตบที่รุนแรงเริ่มค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความชา พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย

                  ฮิมชานตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่พอสมควร บังยงกุกไม่เคยทำแบบนี้กับเขา ถึงเขาจะดื้อหรือพยศขนาดไหน แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยตบตีเขามาก่อน


                  ‘ของเล่นฆ่าเวลา’ ซักวันนึงก็ต้องถูกเขี่ยทิ้ง

                  ...สงสัยวันนั้นมันคงใกล้จะมาถึงแล้วล่ะมั้ง คิมฮิมชาน...



                  “อื้อออ!! ออกไป!” ฮิมชานสะบัดหน้าหนีด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆเรียวลิ้นอุ่นของอีกฝ่ายก็สัมผัสที่ปลายคางที่มีเลือดติดอยู่ของเขาก่อนจะลากขึ้นมาจนถึงมุมปากที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงช้ำ

                  “ขัดขืนไปก็เท่านั้นแหละ...มาสนุกกันดีกว่า” พูดจบมือหนาก็จับเขาที่สันกรามของอีกฝ่าย ก่อนจะออกแรงบีบให้ฮิมชานยอมอ้าปากรับจูบของเขา


                  จูบที่รุนแรงถูกมอบให้โดยที่ฮิมชานไม่เต็มใจ ทำให้แผลที่มุมปากยิ่งปริแตกมากขึ้นจนทุกครั้งที่กลืนน้ำลาย ฮิมชานจะรับรู้ได้ถึงรสชาติคาวของเลือดทุกครั้งไป

                  เรียวลิ้นที่รุกรานเข้ามาในโพรงปากของฮิมชานอย่างเอาแต่ใจทำให้เขานึกอยากกัดมันให้อีกฝ่ายได้รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่เข้ารู้สึกบ้าง แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ทันเพราะทันทีที่ฮิมชานคิดจะทำก็เป็นเวลาเดียวกับที่ยงกุกผละจูบออกพอดี


                  ยงกุกลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าแล้วจัดการปลดกระดุมและรูดซิบกางเกงของตัวเองลง ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงฮิมชานให้ลุกขึ้นมานั่งจนใบหน้าขาวอยู่ระดับเดียวกับสิ่งบวมนูนที่ยังคงซ่อนอยู่ในชั้นในของเขาพอดี


                  ฮิมชานเงยหน้ามองคนที่มองกลับลงมาพร้อมส่งรอยยิ้มเย็นมาให้เขาด้วยสายตาที่ทั้งโกรธและเกลียดชัง

                  ...เกลียดที่บังยงกุกทำเหมือนเขาเป็นตุ๊กตาสนองตัณหา...

                  ...และโกรธตัวเองที่ไม่สามารถต่อกรอะไรอีกฝ่ายได้เลย...

                 
                  “เธอรู้หน้าที่ของตัวเองอยู่แล้วใช่มั้ย” ยงกุกว่าพลางเอื้อมมือข้างหนึ่งไปกดที่ท้ายทอยของฮิมชานเพื่อให้เคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้กับส่วนนั้นของเขามากขึ้น แต่เด็กหนุ่มกลับขืนตัวเองเอาไว้ ดวงตาสวยมองกลับขึ้นไปด้วยสายตาแข็งกร้าว
                 
                  “หึ...งั้นก็เอามันสดๆเลยเป็นไง!”


                 
                  “อื้อ!!” เรียวปากที่บวมช้ำและเกรอะกรังไปด้วยเลือดที่เริ่มแห้งติดผิวหนังเม้มเข้าหากันเพื่อกลั้นเสียงร้อง เมื่อยงกุกทำอย่างที่พูดเอาไว้จริงๆ

                  ชายหนุ่มผลักฮิมชานลงนอนกับพื้น ก่อนจะจับขาขาวทั้งสองข้างของเขาแยกออกกว้างจนสามารถมองเห็นช่องทางแคบที่ด้านหลังได้ แท่งเนื้อที่ขยายขนาดจนแข็งเป็นลำแทรกตัวเข้าไปภายในร่างกายของฮิมชานรวดเร็วจนคนตัวขาวเผลอเกร็งตัวทำให้ช่องทางนั้นบีบรัดแกนกายของบังยงกุกจนแทบจะขยับเข้าไปไม่ได้


                  “โอ๊ย!!” เสียงร้องเพราะความเจ็บปวดที่กลั้นเอาไว้ไม่ไหวเมื่อยงกุกดึงดันแทรกตัวเข้ามาจนสุดลำยาว พร้อมกับเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาเพราะเนื้อเยื่ออ่อนนุ่มตรงช่องทางนั้นฉีกขาด

                  ฮิมชานพยายามหายใจเข้าออกให้เป็นจังหวะปกติที่สุด เพื่อผ่อนคลายร่างกายและลดความเจ็บปวดที่ร่างกายเบื้องล่าง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย ตอนนี้ช่วงล่างของเขาเจ็บไปหมด ถ้าไม่นับครั้งแรกที่เคยมีอะไรกัน ครั้งนี้คงเป็นครั้งที่ฮิมชานรู้สึกเจ็บมากที่สุด


                  ...เจ็บทั้งกาย เจ็บทั้งใจ...


                  “หึ...เจ็บจนพูดไม่ออกเลยเหรอ...หรือว่าแกล้งสำออย...” สิ้นน้ำเสียงที่ทั้งเหยียดหยามและไร้ความเห็นใจนั้น บังยงกุกก็เริ่มขยับสะโพกเข้าออกช้าๆโดยไม่รอให้ฮิมชานได้ปรับตัวกับแกนกายที่เพิ่งแทรกตัวเข้ามา


                  ฟันคมขบกัดลงที่ริมฝีปากล่างของตัวเองอีกครั้งเพื่อกลั้นเสียงร้องไม่ให้หลุดลอดออกมา ไม่ว่าเสียงนั้นจะเป็นเสียงร้องเพราะความเจ็บปวด หรือเสียงครางเพราะความเสียวซ่านจากแรงเสียดสีของแท่งเนื้อร้อนนั้น ฮิมชานก็ไม่ยอมให้บังยงกุกได้ยินเสียงใดๆทั้งนั้น


                  “อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ...อา...ครางหวานๆให้ฉันได้ยินหน่อย” เสียงทุ้มเอ่ยพลางขยับสะโพกเข้าออกเร็วขึ้น แรงขึ้นเหมือนแกล้งให้ฮิมชานต้องทำตามที่เขาบอก

                  “ไม่!!!” เด็กหนุ่มตอบกลับมาเพียงเท่านั้น ก่อนจะรีบเม้มปากเน้นไม่ให้มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา ฮิมชานกลั้นลมหายใจขาดเป็นห้วง เพราะความเจ็บปวดที่แล่นริ้วจากสะโพกขึ้นมาถึงสันหลัง เจ็บจนไม่มีเรี่ยวแรงจะขัดขืน

                  ...น่าสมเพชมั้ยล่ะ เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ แต่เขากลับไม่สามารถสู้อะไรบังยงกุกได้เลย...


                 
                  บังยงกุกมองท่าทางของอีกฝ่ายด้วยแววตาเย้ยหยันกับความดื้อรั้นโง่ๆที่กำลังทำให้ตัวฮิมชานเองที่เป็นฝ่ายเจ็บตัว จังหวะการเคลื่อนไหวของสะโพกสอบเปลี่ยนเป็นช้าลงแต่กลับหนักหน่วงมากขึ้น เน้นย้ำทุกครั้งที่เคลื่อนสะโพกกระแทกเข้าไปภายในร่างกายของฮิมชาน ซึ่งมันทำให้คนตัวขาวทรมานมากกว่าจะรู้สึกเสียวซ่าน


                  “ทำไม...จะเก็บเสียงไว้ร้องให้ไอ้ยงฮวาฟังหรือไง” บังยงกุกยิ้มเย็นเมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่ายที่ตอบสนองกลับมา ดวงตาคู่สวยตวัดมองเขาด้วยความไม่พอใจทันทีที่เขาเอ่ยอ้างถึงบุคคลที่สาม

                  “ฉันพูดไม่ผิดสินะ...หัดทำตัวร่านตั้งแต่เมื่อไหร่”

                  ทุกคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของบังยงกุกมันช่างเหยียดหยามน้ำใจจนฮิมชานอยากจะร้องไห้ออกมา แต่เขารู้ว่าการทำแบบนั้นมันไม่สามารถเรียกร้องความเห็นใจจากอีกฝ่ายได้ กลับจะได้รับเสียงหัวเราะเยาะเย้ยกลับมาแทนมากกว่า



                  “อื้อ!...” ฮิมชานหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อบังยงกุกเร่งจังหวะเข้าออกเร็วขึ้น แรงขึ้นจนตัวของเขาโยกไม่มาตามแรงกระแทกกระทั้นที่ไร้ความปรานี

                  “เอากับมันมากี่ครั้งแล้วล่ะ” มือหนาทั้งสองข้างยึดสะโพกขาวเอาไว้ พร้อมออกแรงกระแทกเข้าหาอีกฝ่ายจนสุดลำยาวโดยไม่ยี่หระกับเลือดที่ไหลออกมาจากตรงช่องทางเบื้องล่างนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ

                  “อื้อ!!”

                  “ตอบ! ฉันถามว่าเธอกับไอ้ยงฮวานั่นมีอะไรกันมากี่ครั้งแล้ว!” ตะคอกถามเสียงดังขึ้นเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบคำถาม ทั้งยังหันหน้าหนีเขาจนยงกุกต้องเอื้อมมือหนาข้างหนึ่งไปบีบสันกรามของฮิมชานบังคับให้หันกลับมาสบตากัน


                  ...หากแต่ฮิมชานเลือกที่จะเงียบ...


                 
                  “หึ...คิดจะดื้อกับฉันใช่มั้ย” เมื่อถูกขัดใจบังยงกุกจึงเร่งจังหวะโถมสะโพกเข้าหาสะโพกขาวให้เร็วมากขึ้นอีก แรงมากขึ้นอีกโดยไม่กลัวว่าฮิมชานจะขาดใจ

                  “โอ๊ยยย~” คนตัวขาวร้องออกมาเสียงแผ่ว แรงกระแทกรุนแรงทำให้ร่างขาวไหวไปมาตามแรงขยับจากช่วงร่างจนสั่นคลอนไปหมด



                  มือขาวกำเข้าหากันแน่นจนเล็บจิกลงไปบนเนื้อที่ฝ่ามือหวังจะระบายความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นที่ร่างกายช่วงล่างได้บ้าง เรียวปากบวมช้ำเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อกลั้นไม่ให้มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาให้อีกคนได้ยิน น้ำใสๆที่ไหลออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิทและร่างกายที่เกร็งจะสั่นไปทั้งตัวบอกได้เป็นอย่างดีว่าฮิมชานทรมานกับการกระทำของอีกฝ่ายมากเพียงใด

                  ...ทรมานทั้งร่างกายที่ถูกกระทำราวกับเขาไม่ใช่มนุษย์...

                  ...ทรมานจิตใจที่ถูกอีกฝ่ายใช้คำพูดทั้งเหยียดหยามและดูแคลน...



                  เมื่อใกล้จะถึงสุดปลายทางของอารมณ์ มือหนาทั้งสองข้างบีบขยำเข้าที่สะโพกขาวจนเป็นรอยแดงตามแรงมือเพื่อระบายความเสี่ยวซ่านที่พุ่งทะยานมากขึ้นเรื่อยๆ

                   แล้วไม่นานการเคลื่อนไหวทุกอย่างก็หยุดลง พร้อมกระตุกฉีดน้ำอุ่นร้อนเข้าไปภายในช่องทางของฮิมชานจนหมด แต่แม้ว่าทุกอย่างจะถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว...บังยงกุกก็ยังคงเสียบคาแกนกายร้อนไว้อยู่อย่างเดิม

                 

                  “ถ้าพอใจแล้วก็ออกไปจากตัวผมได้แล้ว” ฮิมชานพูดพลางหอบหายใจแรง มือขาวทั้งสองข้างยกขึ้นผลักไหล่ของคนที่กำลังโน้มตัวเข้ามาหาเขา

                  “ตอบคำถามของฉันมาก่อน” ชายหนุ่มถามคำถามเดิม แต่น้ำเสียงไม่แข็งกระด้างเหมือนครั้งแรก

                  บังยงกุกซุกใบหน้าลงกับต้นคอขาวที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เรียวปากหนากดจูบ ขบเม้มสร้างรอยแดงไปบนทุกตารางนิ้วของผิวขาวที่ริมฝีปากของเขาลากผ่าน

                  “ไม่...อื้ออ~” ฮิมชานตอบเสียงสั่นเครือ เมื่อแนวฟันคมของชายหนุ่มขบกัดลงบนยอดอกของเขาผ่านเนื้อผ้าของเสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่ฮิมชานสวมใส่อยู่

                  “ไม่เอาน่า...ตอบหน่อย ฉันอยากรู้” ยงกุกกระซิบถามทั้งที่ยังไม่เลิกเล่นสนุกกับเนินอกของเด็กหนุ่ม พร้อมกับมือหนาที่เลื่อนลงไปสัมผัสกับปลายยอดของส่วนอ่อนไหวของฮิมชานที่ยังไม่ได้ปลดปล่อย

                  “ไม่...อา...หยุดทำบ้าๆ...อึก...ซักที!!” เสียงครางหวิวหลุดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อยงกุกเริ่มสาวรูดแกนกายของเขาอย่างช้าๆ แต่หนักหน่วงจนฮิมชานแทบขาดใจ

                  ร่างขาวพยายามบิดตัวหนีสัมผัสของอีกฝ่าย แต่กลายเป็นว่ายิ่งเขาเคลื่อนไหวร่างกายมากเท่าไหร่ ช่องทางด้านหลังของเขาก็ยิ่งเสียดสีกับแท่งเนื้อที่ยังคงเสียบคาอยู่อย่างนั้น จนฮิมชานรู้สึกว่ามันเริ่มขยายตัวและแข็งขึ้นมาอีกครั้ง


                  “ตอบมาฮิมชาน! เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบรอ” มือหนาเปลี่ยนจากขยับขึ้นลงเป็นบีบแรงๆเข้าที่แกนกายของฮิมชาน จนร่างขาวบิดเร่าด้วยความทรมาน

                  “ไม่...อื้อ!!”

                  “ไม่อะไร?”

                  “ไม่เคย...อื้อ...ไม่เคยแม้แต่ครั้ง ดะ....อื้ออออ!!!”

                  เมื่อได้คำตอบที่น่าพอใจ ริมฝีปากสวยก็ถูกยงกุกประกบจูบลงมาอย่างรวดเร็วและเพราะไม่ทันตั้งตัวทำให้ฮิมชานเผลอรับเอาลิ้นชื้นที่แทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดภายในโพรงปากของเขาอย่างร้อนแรงจนฮิมชานแทบจะหลอมละลายไปกับจูบนั้น


                  “อ๊า...เจ็บ...อื้อออ~...พอ...”

                  มือหนาที่กำลังขยับสาวรูดขึ้นลงที่แกนกายของร่างขาว พร้อมกับสะโพกที่ขยับเอาออกอยู่ที่ช่องทางเบื้องล่างอย่างรุนแรง ทำให้ฮิมชานทั้งร้องห้ามและส่งเสียงครางด้วยความสุขสมดังสลับกันมั่วไปหมด

                  มือขาวยกขึ้นจิกลงบนลำคอของบังยงกุกที่ยังคงคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของเขาเพื่อระบายความเจ็บแสบที่ปะปนอยู่กับความซาบซ่านจนฮิมชานรู้สึกว่าทุกอย่างขาวโพลนไปหมด

                 
                  การเคลื่อนไหวทั้งจากทางด้านหน้าและช่องทางด้านหลังที่เริ่มหนักหน่วงและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเมื่อทั้งสองใกล้จะถึงจุดสูงสุดของอารมณ์

                  และไม่นานการเคลื่อนไหวทุกอย่างก็สิ้นสุดลง ทั้งห้องมีเพียงเสียงหอบครางของทั้งสองคนดังประสานกันอย่างไม่เป็นจังหวะ

                 
                  บังยงกุกผละตัวออกไปอย่างรวดเร็วจนแกนกายเสียดสีกับบาดแผลของช่องทางที่บวมแดงจนฮิมชานหลุดร้องครางออกมาเพราะความเจ็บแสบแล่นขึ้นมาเล่นงานเขา อีกทั้งคราบน้ำสีขาวขุ่นมากมายที่ไหลออกมาก็มีสีแดงฉานของเลือดปะปนมากจนน่าตกใจ





กลับไปอ่านต่อและคอมเม้นท์ได้ที่นี่ฮะ >>> http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1190131&chapter=13